เมื่อส่วนของยางเลื่อนเข้าสู่จุดสัมผัส ยางจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้หน้ายางสร้าง
หน้าสัมผัสกับพื้นถนนให้มากที่สุด
บล๊อกดอกยางจะถูกกดทับ
พร้อมบิดตัวเนื่องจากการถ่ายเท พลังงานสู่ท้องถนนและ แก้มยางมีการยุบตัวลงเพื่อให้หน้ายางสร้าง
หน้าสัมผัสกับพื้นถนน หน้ายางจะถูกแบออกจนแบนเรียบ ขนานไปกับพื้นถนน
ยางทั่วไปเนื้อยางทั่วไปนั้น ยางจะมีการคืนตัวที่ช้า ยางจะคืนตัวกลับไปเท่ากับก่อนเข้าสู่จุดสัมผัส
แต่ด้วยเวลาที่มาก ในขณะที่ยางยังไม่คืนตัวเต็มที่
พลังงานจากเครื่องยนต์จะมาเติมเต็มส่วนที่ยางยังไม่คืนตัว ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานอย่างไม่มีประโยชน์
เนื้อยางก็จะร้อนเพราะพลังงานที่สูญเสียก็จะกลายเป็นความร้อนยางประหยัดน้ำมันจากความสามารถในการคืนตัวดีกว่า ทำให้ชิ้นส่วน ทั้งหมดนี้สามารถคืนตัวด้วยตัวเอง
กลับไปเกือยเท่ากับตำแหน่งปกติ ณ เวลาเดียวกัน
พลังงานของเครื่องยนต์ที่จะต้องมาสูญเสียเพื่อดันเนื้อยางให้กลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมก็ลดน้อยลง
ทำให้ยางช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงาน
ความร้อนในเนื้อยางก็ไม่สูงเพราะมีการก่อความร้อนน้อยกว่าดูรูปประกอบครับ-
จาก ลูกศรสีเขียว บน ความโค้งหน้ายางจะกลับคืนไปเป็นสภาพปกติอย่างรวดเร็วด้วยการคืนตัวของยางเอง
จนเกือบเท่ากับตำแหน่งเดิม-
จาก ลูกศรสีเขียว ล่างแก้มยางก็จะคืนตัวเองด้วยความสามารถการคืนตัวที่ดีจนเกือบเท่ากับตำแหน่งเดิม-
จาก ลูกศรสีเขียว ด้านขวาบล๊อกดอกยางก็เช่นเดียวกันจะคืนตัวไปจนเกือบเท่าขนาด ดั้งเดิม-
จาก ลูกศรสี ชมพู พลังงานจากเครื่องยนต์ที่สุญเสียไปในปริมาณที่น้อย
เมื่อเนื้อยางมีการสูญเสียพลังงานอันเนื่องมาจากการยืด-หดตัวลดลง ยางก็ย่อมมีการสูญเสียพลังงาน
หรือ สิ้นเปลืองน้ำมันน้อยลงเช่นกัน
นอกเหนือจากเนื้อยางเอ็นเนอจีย์แล้ว มิชลินยัง ได้นำประสบการณ์การ ออกแบบและพัณนายางรถยนต์ที่มี
มานานกว่า 100 ปี มาออกแบบส่วนประกอบต่างๆ เช่น
รูปแบบของบล๊อกดอกยาง สภาพทางอากาศพลศาสตร์ของยาง ฯลฯ เพื่อช่วยให้มีการใช้พลังงาน
จากเครื่องยนต์โดยประสิทธิภาพมากที่สุด สิ้นเปลืองน้ำมันน้อยทีสุด ซึ่งทั้งหมดนี้ รวมเรียกว่า
เทคโนโลยี กรีนเอ็กซ์ (Radial XSE Green X Technology)
ด้วยคุณประโยชน์ที่โดดเด่นนี้เอง ทำให้ยางประหยัดน้ำมันได้รับการยอมรับ
และใช้กันอย่างแพร่หลายในทวีปยุโรปมามากกว่า 10 ปี
โครงสร้างยางแบบพิเศษที่ช่วยในการประหยัดน้ำมัน